ฉีจิน (Qijin) เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและกลิ่นอายแห่งศิลปะ ผสมผสานธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตท้องถิ่นไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับนักเดินทางสายสโลว์ไลฟ์ (Slow-life) ที่อยากมาสัมผัสความสงบ ความสวยงาม และค้นหาแรงบันดาลใจในที่เดียว

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ไฮไลต์ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเกาะฉีจิน
- ชิมซีฟู้ดสด ๆ ที่ถนนเมี่ยวเฉียน (Miaoqian Road) อร่อยจนห้ามพลาด
- ชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่จุดชมวิวอาทิตย์อัศดง
- เช็กอินแลนด์มาร์กใหม่ “Fengshou Fengshou”
- นั่งชิลที่บาร์ริมอาหาร ดื่มด่ำกับอาหาร เครื่องดื่ม และวิวทะเล
- โบสถ์สายรุ้ง (Rainbow Church) โลเคชันถ่ายรูปยอดฮิตของเหล่าคนรักโซเชียล
- ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง (Pre-Wedding) ที่จุด “ท่วงทำนองทองคำแห่งท้องทะเล”
- ชมประภาคารอิฐแปดเหลี่ยม หอประภาคารอิฐสีขาวเพียงแห่งเดียวในไต้หวัน
- เที่ยวรอบเกาะแบบง่าย ๆ ด้วย Kaohsiung Fun Card
หน้าร้อนนี้ จะพลาด “หาดฉีจิน” ได้ไง?!
หาดฉีจิน เป็นชายหาดชื่อดังของเมืองเกาสง (Kaohsiung) ถือเป็นสถานที่ยอดนิยมคู่กับ หาดซีจื่อวัน (Xiziwan Beach) เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี โดยมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย จะเดินเล่นบนทรายนุ่ม ๆ หรือแช่น้ำทะเลเย็น ๆ เพื่อคลายร้อนก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับวันสบาย ๆ ในช่วงหน้าร้อน และที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องอาบน้ำและอุปกรณ์ป้องกันทางน้ำ
นอกจากการเล่นน้ำแล้ว ที่หาดฉีจินยังมีทางเดินเลียบชายฝั่งให้ได้เดินเล่นรับลม โซนธรรมชาติและลานกิจกรรมให้สนุกกันได้เต็มที่ ส่วนช่วงเย็น ห้ามพลาดบรรยากาศสุดโรแมนติก กับแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดแสงสีทองลงผืนน้ำ เป็นช่วงเวลาและภาพที่ทั้งสวยงามและโรแมนติกสุด ๆ

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
สักการะ “ศาลเจ้าเทียนโฮ่วฉีจิน” ศาลเจ้าแม่มาจู่แห่งแรกของไต้หวัน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
มาเยือนฉีจินทั้งที ต้องแวะมาสักการะ ศาลเจ้าเทียนโฮ่วฉีจิน (Tianhou Temple) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี และยังเป็นศาลเจ้าแม่มาจู่ (Mazu) แห่งแรกในไต้หวัน รวมถึงเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเกาสงอีกด้วย แม้จะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 1926 แต่ที่นี่ก็ยังคงความงดงามในแบบสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งงานแกะสลักไม้ แกะสลักหิน และประติมากรรมที่ประณีตงดงามทั่วพื้นที่
ศาลเจ้าเทียนโฮ่วฉีจินไม่ใช่แค่สถานที่สักการะ แต่ยังเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจที่ถ่ายทอดเรื่องราวของบรรพบุรุษผ่านกลิ่นธูปที่อบอวล และเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาต่อเจ้าแม่มาจู่ที่คอยปกปักรักษาผู้คน รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ยังคงสืบทอดและส่งต่อศิลปะพื้นบ้านอันล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย
ทัวร์บาร์ริมหาดฉีจิน
ให้ค่ำคืนของคุณเต็มไปด้วยความสนุก ไม่ต้องรอให้ค่ำคืนเงียบเหงา! เพราะที่บาร์ริมหาดฉีจิน นอกจากจะมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้เลือกชิมและดื่มด่ำแล้ว ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด เพราะคุณสามารถสนุกกับกิจกรรมกีฬาชายหาดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลหรือวอลเลย์บอลชายหาด ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนที่ฉีจินเต็มไปด้วยความสนุกและสีสัน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
นั่งชิลที่ “Estrella del Mar Beach Club”
ออกมานั่งชิลกันที่ Estrella del Mar Beach Club คลับริมหาดที่ตั้งอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะริมชายฝั่ง บรรยากาศของที่นี่เหมือนกับพาคุณวาร์ปไปยังเกาะเขตร้อน ด้วยตัวร้านที่ดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์สีขาว รายล้อมด้วยต้นมะพร้าว และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หวายสุดชิค
ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของคนที่มาฉีจิน โดยเฉพาะทางเดินสายรุ้งสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ จะเลือกนั่งรับลมทะเลเย็น ๆ ยามบ่าย หรือรอชมพระอาทิตย์ตกแสนโรแมนติกก็เพลินได้ทั้งวัน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
พิกัดเส้นทางปั่นจักรยาน ออกสำรวจรอบเกาะฉีจิน
ด้วยภูมิประเทศที่เป็นคาบสมุทรทอดยาวจากสันทราย ทำให้ฉีจินเหมาะกับการออกไปปั่นจักรยานสำรวจเกาะแบบสุด ๆ เพราะเส้นทางรอบเกาะมีให้เลือกถึง 5 เส้นทาง แต่เส้นทางที่เราอยากแนะนำก็คือ เส้นทาง Dr. James Laidlaw Maxwell Memotial Route ที่จะพาคุณปั่นจักรยานผ่านทั้งโบราณสถานเก่าแก่และเพลิดเพลินกับวิวชายฝั่งสุดตระการตา
เส้นทางนี้ไม่เพียงแต่พาให้คุณได้รำลึกถึงประวัติศาสตร์ของฉีจิน แต่ยังสามารถปั่นขึ้นไปยังจุดชมวิวบนที่สูงเพื่อมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของท่าเรือ ภูเขา และทะเลแบบ 360 องศา เป็นการเที่ยวที่ได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและเรื่องราวในอดีตไปพร้อมกันอย่างลงตัว

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ชม “ของขวัญจากท้องทะเล” ที่ “พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยฉีจิน”
มาเปิดกล่องของขวัญจากทะเลกันที่ พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยฉีจิน (Cijin Shell Museum) หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเปลือกหอยมากที่สุดในไต้หวัน ที่นี่รวบรวมเปลือกหอยหายากไว้กว่า 2,000 ชนิด ซึ่งเป็นของสะสมจากการบริจาคของคุณหวง เก๋อเลี่ยง (Huang Geliang) และคุณเสิ่น ซูฮุ่ย (Shen Shuhui) โดยเฉพาะไฮไลต์อย่าง “หอยกาบใหญ่” อันล้ำค่าที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเด่นประจำพิพิธภัณฑ์

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ดูดาวใน “อุโมงค์ดวงดาวฉีจิน”
อุโมงค์ฉีจิน เดิมถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยการปกครองของญี่ปุ่น ก่อนจะได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 2005 ให้กลายเป็น “อุโมงค์ดวงดาว” (Cijin Starlight Tunnel) เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ภายในตกแต่งด้วยพื้นไม้และภาพวาดเรืองแสงของทั้ง 12 ราศี สร้างบรรยากาศที่สวยงามแปลกตา เมื่อสายลมทะเลพัดผ่านเข้ามา ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกเย็นสบายและโรแมนติก เสมือนว่ากำลังเดินอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ที่สำคัญ อุโมงค์แห่งนี้ยังเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น ประภาคารฉีโฮ่ว (Qihou Lighthouse) และ ป้อมปืนฉีโฮ่ว (Cihou Fort) จึงนับเป็นเส้นทางจักรยานริมทะเลเพียงแห่งเดียวของไต้หวัน ที่ไม่ว่าจะเลือกเดินหรือปั่น คุณก็จะได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์ในมุมที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
“ประภาคารเกาสง” (ประภาคารฉีโฮ่ว) หอประภาคารอิฐแปดเหลี่ยมสีขาวเพียงแห่งเดียวในไต้หวัน
ประภาคารฉีโฮ่ว หรือที่รู้จักกันในชื่อ ประภาคารเกาสง (Kaohsiung Lighthouse) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเกาสง มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1883 และถือเป็นประภาคารอิฐแปดเหลี่ยมสีขาวเพียงแห่งเดียวของไต้หวัน โครงสร้างด้านบนเป็นทรงกระบอก มีระเบียงสำหรับขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา มองเห็นทั้งภูเขา เมือง และท่าเรือได้แบบเต็มตา
เนื่องจากท่าเรือเกาสง (Kaohsiung Harbor) ถือเป็นประตูหลักสู่ภาคใต้ของไต้หวัน การมีประภาคารแห่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเดินเรือพาณิชย์ในอดีต และยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเมืองท่าที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้อีกด้วย

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
“สวนกังหันลมฉีจิน” สถานที่ที่เต็มไปด้วยความน่ารักและบรรยากาศผ่อนคลาย
สวนกังหันลมฉีจิน (Qijin Windmill Park) คือจุดต้อนรับแรกของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ โดยเชื่อมต่อกับทางเดินชมวิวท่าเรือประมงฉีจิน (Qijin Wharf) อย่างลงตัว ภายในสวนจะพบกับกังหันลมสามแฉกขนาดใหญ่จำนวน 7 ตัวที่หมุนรับลมทะเลอยู่ตลอดเวลา พร้อมจุดชมวิว ลานแสดงกิจกรรม และพื้นที่พักผ่อนที่ออกแบบมาอย่างกลมกลืนกับบรรยากาศชายทะเล
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ งานศิลปะกระเบื้องโมเสกรูปสัตว์ทะเล สีสันสดใสน่ารักที่ตกแต่งกระจายอยู่ทั่วสวน เพิ่มเสน่ห์ให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม เหมาะกับการมาเดินเล่น ถ่ายรูป หรือนั่งชิล ชมคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งแบบเพลิน ๆ

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ชิมอาหารทะเลฉีจิน
มาถึงฉีจินทั้งที จะไม่พูดถึงอาหารทะเลก็คงไม่ได้ อย่าลืมแวะไปที่ ถนนเมี่ยวเฉียน จุดรวมร้านอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายเมนู ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มให้คุณได้เติมพลังหลังจากเดินเที่ยวมาตลอดวัน รับรองว่าทั้งสด ทั้งอร่อย จนอิ่มฟินลืมเหนื่อยแน่นอน!

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
สำรวจงานศิลปะและประติมากรรมในฉีจิน
“หอยมุกทองคำ” ท่วงทำนองทองคำแห่งท้องทะเล
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของสวนฉีจินที่ห้ามพลาด คือผลงานศิลปะรูปเปลือกหอยครึ่งวงกลมสีทองขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 10 เมตร เมื่อแสงแดดตกกระทบลงบนผิวเปลือกหอยจะสะท้อนเป็นเฉดสีทองที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ (Masterpiece) ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างศิลปินชาวไต้หวันและฝรั่งเศส ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 6 ปีเต็ม และที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของสวนฉีจินเท่านั้น แต่ยังเป็นประติมากรรมเปลือกหอยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ยามฟ้าหลังฝน รอคอยสายรุ้งที่ “โบสถ์สายรุ้งฉีจิน” ได้เสมอ
โบสถ์สายรุ้งฉีจิน (Qijin Rainbow Church) มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบเรขาคณิตที่โดดเด่น จุดสำคัญคือเมื่อแสงส่องตกกระทบในแต่ละช่วงเวลา คุณจะเห็นความสวยงามของโบสถ์ที่มีฉากหลังคือทะเลสีคราม ตัดกับสีสันของตัวโบสถ์ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่คนรักการถ่ายรูปไม่ควรพลาด

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
งานศิลปะ “พลังลม…พัดพาความสุขและความอุดมสมบูรณ์”
งานประติมากรรมรูปแขนที่โบกไหวไปตามแรงลม สื่อถึงเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่คอยปัดเป่าคลื่นลมพายุให้สงบ และในอีกมุมหนึ่งยังเปรียบเสมือนเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของชาวประมงเมื่อจับปลาได้ ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ และถูกปักหมุดให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งความฝันของฉีจิน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
นัดพบกับวาฬ
ผลงานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจจากรูปร่างของวาฬ โดยออกแบบให้คล้ายโครงสร้างของน้ำพุ สื่อถึงภาพของวาฬที่แหวกว่ายอย่างอิสระและกล้าหาญในท้องทะเล สะท้อนถึงความเป็นอิสระและชีวิตที่เต็มไปด้วยพลัง องค์ประกอบภายในงานยังเพิ่มความอบอุ่นใจด้วย “เก้าอี้โยก” 2 ตัว ซึ่งออกแบบให้เมื่อโยกไปมาที่มุม 30 องศา จะกลายเป็นรูปหัวใจ เพิ่มความโรแมนติกและจินตนาการให้บรรยากาศโดยรอบได้อย่างน่าประทับใจ

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
การผจญภัยที่ชายหาด
ผลงานศิลปะที่เล่าเรื่องราวแฟนตาซีของทหารม้าน้ำผู้ไล่ล่าหมึกโจรสลัด เพื่อนำ ‘หัวใจแห่งท้องทะเล’ เครื่องรางแห่งมิตรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง โดยออกแบบให้มีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งถ่ายรูปและรู้สึกเหมือนได้ร่วมผจญภัยไปในโลกแห่งจินตนาการด้วยตัวเอง

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
นัดพบกวางน้อย
“กวางดาว” สัตว์ประจำถิ่นของไต้หวัน เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและอายุยืนยาว ถูกนำมาเป็นผลงานศิลปะเพื่อสื่อถึงความผูกพันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ศิลปินตั้งใจให้ผลงานชิ้นนี้ชวนให้ผู้คนในเมืองใหญ่ได้หวนคิดถึงวัยเด็ก และตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
หนวดแห่งหัวใจ
ประติมากรรมที่สร้างจากเศษไม้ที่แตกหัก นำมาเชื่อมต่อและวางซ้อนกันอย่างประณีต เพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างชีวิตผู้คนริมทะเลกับคลื่นทะเล ตัวผลงานมีลักษณะคล้ายกับหมึก พร้อมมีช่องที่เปิดเผยให้เห็นวิวทะเลและท้องฟ้า เป็นมุมเงียบสงบที่ชวนให้พักผ่อนและใช้เวลาทบทวนตัวเอง นอกจากนี้ ผลงานชิ้นนี้ยังสะท้อนแนวคิดของศิลปินชาวไอมิส (Amis) ที่ต้องการส่งสารถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ผู้พิทักษ์ชายฝั่ง
อนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงนักศึกษา 5 คนที่สละชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่นจากเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1993 เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญที่คอยย้ำเตือนให้ทุกคนระมัดระวังเมื่ออยู่ในทะเล และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกคน ที่ทำให้เราสามารถเดินเล่นและพักผ่อนกับเพื่อนและครอบครัวได้อย่างสบายใจ

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
เรือสำรวจสุดอัศจรรย์
หลายครั้งที่เราเก็บความรู้สึกไว้ลึก ๆ เหมือนเรือดำน้ำที่จมอยู่ใต้น้ำ แต่ที่ “เรือสำรวจสุดอัศจรรย์” ผลงานศิลปะชิ้นนี้ คุณจะได้โอกาสปลดปล่อยความในใจออกมา
เพราะงานศิลปะรูปเรือดำน้ำลำนี้ถูกออกแบบโดยมี “เสียง” เป็นหัวใจสำคัญ ท่อต่าง ๆ ที่ติดตั้งบนตัวเรือทำหน้าที่เหมือนโทรโข่งที่คุณสามารถพูด หรือฟังเสียงที่ส่งผ่านมาตามท่อได้ เพื่อสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบช้าง และเปิดโอกาสให้คุณได้ฟังเสียงของโลกอีกครั้ง ทั้งเสียงคนอื่น และเสียงในใจตัวเอง

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
น้ำตาสีฟ้าแห่งฉีจิน
ทางเดินไม้ริมทะเลที่หาดฉีจินยามเย็นจะสว่างไสวด้วยแสงไฟ LED สีน้ำเงินตลอดแนวชายหาด สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ชวนให้นึกถึง “น้ำตาสีฟ้า” (Blue Tears Ocean) แห่งหมู่เกาะมาจู่ แต่คราวนี้ไม่ต้องนั่งเรือข้ามทะเลไกล เพราะคุณสามารถสัมผัสความประทับใจแบบนั้นได้ที่ฉีจิน เมืองเกาสง แห่งนี้เลย

ขอบคุณรูปภาพจาก www.kaohsiungtravel.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: