ไต้หวันเป็นดินแดนที่รวมเอาความงดงามของวัฒนธรรมและธรรมชาติไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แต่ไม่มีสถานที่ไหนที่จะโดดเด่นไปมากกว่า “หมู่บ้านฮิโนกิ” (Hinoki Village) ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้มาเยือนยากที่จะละสายตา ด้วยสถาปัตยกรรมไม้ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นแท้ ๆ แต่ยังคงมีรากฐานของวัฒนธรรมไต้หวันเจืออยู่อย่างลงตัว เรียกได้ว่าทุกองค์ประกอบในหมู่บ้านนี้ช่วยสร้างสรรค์เรื่องราวที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติเข้าด้วยกันได้อย่างงดงาม
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
และการเดินทางไปยังหมู่บ้านฮิโนกิจะยิ่งทวีความพิเศษขึ้นไปอีก เมื่อออกเดินทางด้วย “เส้นทางรถไฟสายอาหลี่ซาน” (Alishan Forest Railway) 1 ในเส้นทางรถไฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวันที่จะพาเราเดินทางผ่านภูมิทัศน์อันหลากหลาย ตั้งแต่ทุ่งชาเขียวขจี ไปจนถึงหมู่บ้านฮิโนกิซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมตัวเก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปยังหมู่บ้านฮิโนกิ พร้อมสัมผัสเส้นทางธรรมชาติบนรถไฟสายอาหลี่ซาน เริ่มต้นทริปไต้หวันแบบไม่เหมือนใครไปด้วยกัน
เดินเล่นในหมู่บ้านฮิโนกิ
หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นจำนวน 28 หลัง ซึ่งทุกหลังสร้างจากไม้ฮิโนกิ ทำให้หมู่บ้านมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ภายในหมู่บ้านก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย เช่น สโมสรป่าอาหลี่ซาน บ้านรับรองแขก ห้องน้ำสาธารณะ ฯลฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้มาเยือน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านฮิโนกิ
การทำความรู้จักประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านฮิโนกิ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ที่ไปเยือนสามารถเข้าใจและดื่มด่ำกับหมู่บ้านนี้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของไต้หวันในอดีตถูกบันทึกเอาไว้มากมาย
หมู่บ้านฮิโนกิตั้งอยู่ในเมืองเจียอี้ (Chiayi) ของไต้หวัน เป็นสถานที่ที่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงทศวรรษ 1920 ในยุคที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวัน เพราะเดิมทีหมู่บ้านฮิโนกิถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นบ้านพักของทหารญี่ปุ่นและศูนย์กลางในการผลิตและจัดการไม้ฮิโนกิ การสร้างหมู่บ้านฮิโนกินี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขยายเมืองและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของไต้หวันในขณะนั้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ และได้มีการสร้างเส้นทางเดินรถไฟเอาไว้ใกล้ ๆ กับหมู่บ้าน เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายไม้ฮิโนกิ
แต่หลังจากที่สิ้นสุดช่วงการปกครองของญี่ปุ่นในปีค.ศ.1945 หมู่บ้านฮิโนกิก็ถูกเปลี่ยนจากที่พักทหาร กลายมาเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและทำการเกษตร อาคารหลายหลังถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักอาศัยของชาวบ้าน และต่อมาก็ได้กลายเป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของไต้หวันที่มีผู้คนแวะเวียนมาเยือนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
ไฮไลต์ของหมู่บ้านฮิโนกิ
เมื่อมาถึงหมู่บ้านฮิโนกิ ก็ต้องห้ามพลาดการชื่นชม “สถาปัตยกรรม” ของอาคารภายในหมู่บ้าน ซึ่งสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านฮิโนกิถือเป็นไฮไลต์สำคัญของที่นี่ ด้วยตัวสไตล์ของอาคารที่ถูกสร้างในสไตล์ญี่ปุ่น ตัวอาคารใช้ไม้ฮิโนกิ (ไม้จันทน์เทศ) ที่โดดเด่นเรื่องความทนทาน กลิ่นหอม และสรรพคุณในการไล่แมลง และตัวอาคารภายในหมู่บ้านก็ยังมีการตกแต่งด้วยลวดลายและรูปแบบที่สื่อถึงศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
นอกจากสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่เป็นไฮไลต์แล้ว “สวน” ด้านในหมู่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะทุกองค์ประกอบของสวนได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการจัดวางหิน บ่อน้ำ และพรรณไม้ต่าง ๆ อย่างมีศิลปะ ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย ใครที่เดินเล่นในหมู่บ้านเสร็จแล้ว ก็สามารถมานั่งพักผ่อนบริเวณสวนได้เช่นกัน
และไม่ใช่แค่ตัวสถานที่ที่น่าสนใจ เพราะที่หมู่บ้านฮิโนกิจะมีการจัด “ตลาดหัตถกรรมท้องถิ่น” อยู่เป็นประจำ โดยตลาดหัตถกรรมท้องถิ่นของที่นี่เป็นที่ที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านหรือศิลปินในท้องถิ่นได้มาแสดงฝีมือและความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงาน และยังเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของชาวท้องถิ่นในละแวกนั้น
เทศกาลและกิจกรรม
หมู่บ้านฮิโนกิไม่ได้ดังแค่เรื่องของสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักจากการจัดเทศกาลและกิจกรรมที่มีขึ้นตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเวิร์กชอปงานฝีมือจากไม้ฮิโนกิ เช่น การทำกล่องเก็บเครื่องประดับหรือพวงกุญแจ, การแสดงวัฒนธรรมในลานกลางแจ้ง เช่น การแสดงหุ่นกระบอกไต้หวันหรือการตีกลองญี่ปุ่น, การแสดงพิธีชงชาไต้หวันแบบดั้งเดิม เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของชาไต้หวันพร้อมเทคนิคการชง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
นอกจากกิจกรรมเล็ก ๆ แล้ว ที่หมู่บ้านฮิโนกิก็ยังมีการจัดเทศกาลใหญ่ ๆ ขึ้นตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลชมดอกซากุระ จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เดินเล่นภายในหมู่บ้านพร้อมชมวิวสวย ๆ ของดอกซากุระ, เทศกาลวัฒนธรรมไต้หวัน-ญี่ปุ่น เทศกาลเฉลิมฉลองการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านการแสดงศิลปะ งานฝีมือ และการแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ, เทศกาลอาหารและงานฝีมือ นำเสนออาหารพื้นเมืองและงานฝีมือจากช่างฝีมือภายในท้องถิ่น และยังมีเทศกาลอื่น ๆ อีกมากมาย
ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสในการทำกิจกรรมและเข้าร่วมงานเทศกาลที่หมู่บ้านฮิโนกิ ก็ต้องคอยติดตามข่าวสารกันเอาไว้ด้วยนะ
หลังจากที่เดินเล่นในหมู่บ้านฮิโนกิกันจนหนำใจแล้ว ไปต่อกันที่ ‘การเดินทาง’ ที่จะช่วยเพิ่มความพิเศษและความทรงจำให้กับทริปนี้ กับ รถไฟสายอาหลี่ซาน รถไฟที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของไต้หวัน
สัมผัสเส้นทางธรรมชาติบนรถไฟสายอาหลี่ซาน
การเดินทางด้วยรถไฟสายอาหลี่ซานถือเป็นประสบการณ์และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปไต้หวัน เพราะตลอดเส้นทางที่รถไฟแล่นผ่าน ผู้โดยสารจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามของป่าไม้และภูเขาที่สลับซับซ้อน เป็นภาพธรรมชาติที่ไม่ว่าใครเห็นก็จะต้องประทับใจ และเส้นทางนี้ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสถานที่และเรื่องราวที่รอให้คุณไปค้นหาอีกด้วย
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
ประวัติศาสตร์ของรถไฟสายอาหลี่ซาน
รถไฟสายอาหลี่ซาน หรือ Alishan Forest Railway มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ยาวนานกว่าหลายร้อยปี ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีค.ศ.1899 ในยุคที่ไต้หวันยังอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ซึ่งในเวลานั้น ไต้หวันถือเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญสำหรับญี่ปุ่น โดยเฉพาะป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ในเขตเทือกเขาอาหลี่ซาน
ในปีนั้นทางการญี่ปุ่นเลยได้ริเริ่มโครงการสร้างทางรถไฟขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในการขนส่งไม้จากภูเขาอาหลี่ซาน โดยเฉพาะไม้ฮิโนกิ (Hinoki) และไม้สนแดง (Taiwan Red Cypress) ซึ่งเป็นไม้ที่มีคุณภาพสูงและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมากในขณะนั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://afrch.forest.gov.tw/
ภายหลังในปี ค.ศ.1945 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ยุติการปกครองไต้หวัน ทำให้รัฐบาลไต้หวันในขณะนั้นได้เข้ามาดูแลเส้นทางรถไฟสายอาหลี่ซานต่อ ช่วงแรกยังคงมีการใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งไม้และสินค้าท้องถิ่น แต่เมื่อการทำป่าไม้เริ่มลดลง เส้นทางรถไฟสายอาหลี่ซานก็ได้ถูกเปลี่ยนมาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว
ปัจจุบัน รถไฟสายอาหลี่ซานได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 เส้นทางรถไฟภูเขาที่สูงและงดงามที่สุดของโลก ตลอดการเดินทางด้วยรถไฟสายอาหลี่ซาน นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของป่าสนโบราณ หมอกที่ปกคลุมยอดเขา ไร่ชาเขียวชอุ่ม และยังถือเป็นการได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิตของไต้หวันที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำที่เกิดขึ้นบนเส้นทางนี้อีกด้วย
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://recreation.forest.gov.tw/
ไฮไลต์ของรถไฟสายอาหลี่ซาน
รถไฟสายอาหลี่ซานเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะได้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะเส้นทางรถไฟสายนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากเส้นทางรถไฟอื่น ๆ ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น
1 ใน 3 เส้นทางรถไฟที่สูงที่สุดในโลก
รถไฟสายอาหลี่ซานมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,216 เมตร ถือเป็น 1 ใน 3 เส้นทางรถไฟที่มีระดับความสูงมากที่สุดในโลก (อีก 2 เส้นทางคือเส้นทาง Darjeeling Himalayan Railway ในประเทศอินเดีย และเส้นทาง Andes Railway ในอเมริกาใต้) ด้วยเส้นทางที่ไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากเมืองเจียอี้สู่ยอดเขาอาหลี่ซาน
เส้นทางที่คดเคี้ยว และการออกแบบทางวิศวกรรมที่น่าทึ่ง
เส้นทางรถไฟสายนี้มีความยาวรวมประมาณ 86 กิโลเมตร แต่ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวและท้าทายภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชัน โดยเส้นทางนี้มีอุโมงค์ทั้งหมดถึง 50 แห่ง และสะพานอีกกว่า 77 แห่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านภูมิประเทศอันซับซ้อน การออกแบบทางวิศวกรรมของเส้นทางรถไฟสายนี้จึงทำให้รถไฟอาหลี่ซานมีชื่อเสียง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของการก่อสร้างในยุคนั้นซึ่งยากจะเจอในเส้นทางรถไฟทั่วไปในโลก
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://recreation.forest.gov.tw/
รถไฟสีแดงสุดคลาสสิก
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้รถไฟสายอาหลี่ซานกลายเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือ ตัวรถไฟสีแดงสด ที่ยังคงรูปแบบของรถไฟโบราณดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งตัวรถไฟที่มีขนาดเล็กและดีไซน์คลาสสิก เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้นักเดินทางได้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปยังอดีต ทำให้ทุก ๆ การเดินทางด้วยรถไฟสายอาหลี่ซานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และความโรแมนติกที่หาได้ยากจากที่อื่น
เส้นทางหลัก มุ่งหน้าสู่เขตนันทนาการป่าไม้แห่งชาติอาหลี่ซาน
ไฮไลต์อีกหนึ่งอย่างที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ การที่รถไฟสายอาหลี่ซานเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมและใช้เดินทางไปยัง เขตนันทนาการป่าไม้แห่งชาติอาหลี่ซาน (Alishan National Forest Recreation Area) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ที่นี่เป็นเขตป่าไม้ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเพื่อชมธรรมชาติอันสวยงาม ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลหมอก ชมป่าต้นสนโบราณอายุพันปี และเยี่ยมชมไร่ชาอู่หลงคุณภาพสูงของไต้หวัน นับเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ไม่ควรพลาดถัดจากหมู่บ้านฮิโนกิ
โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวเขตนันทนาการป่าไม้แห่งชาติอาหลี่ซานก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และ ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-ธันวาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะกับการไปเดินเล่น ชมวิวธรรมชาติภายในอาหลี่ซาน
การเดินทางไปเยือนหมู่บ้านฮิโนกิและสัมผัสเส้นทางธรรมชาติบนรถไฟสายอาหลี่ซานนั้นไม่ใช่แค่ทริปธรรมดา ๆ แต่เป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ซึมซับบรรยากาศที่งดงามของธรรมชาติ สัมผัสกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ และใช้ชีวิตในจังหวะที่ช้าลง หากใครกำลังมองหาทริปที่ทำให้หัวใจและร่างกายได้พักผ่อนจากช่วงเวลาเร่งรีบในชีวิตประจำวัน หรือทริปที่จะได้ชมธรรมชาติและเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ทริปนี้ก็คือทริปที่คุณไม่ควรพลาด!