เมืองเล็ก ๆ อย่างอี๋หลาน (Yilan) อาจไม่อยู่ในลิสต์แรก ๆ ของนักเดินทางสายกินเมื่อไปเยือนไต้หวัน แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสวรรค์ของ “ขนมไต้หวัน” ทำมือแสนอร่อยจนทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากอยากลิ้มรสขนมหวานไต้หวันที่แท้จริง ต้องมาที่อี๋หลานเท่านั้น

เพราะเมืองนี้มีวัฒนธรรมการทำขนมโบราณสืบทอดรุ่นต่อรุ่น ผสมผสานเข้ากับไอเดียสมัยใหม่ ทำให้ขนมแต่ละชิ้นทั้งอร่อยและยังคงกลิ่นอายความเป็นต้นตำรับแบบไต้หวันเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงรักขนมไต้หวันหรืออยากสัมผัสวัฒนธรรมไต้หวันผ่านรสชาติของขนม ต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย!

เรียนรู้วัฒนธรรม “ขนมทำมือ” ของอี๋หลาน

อี๋หลานถือเป็นบ้านเกิดของขนมไต้หวันที่ยังคงรักษาวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นด้วยการนวด รีด ปั้น ตัด ทำด้วยมือทุกขั้นตอน ขนมส่วนใหญ่ไม่ใช้สารกันบูดหรือสารแต่งรสสังเคราะห์ ทำให้รสชาติของขนมไต้หวันที่นี่ยังคงความคลาสสิกไว้อยู่ และควรทาน “ทันที” เพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติที่สดใหม่และดีที่สุด

ที่สำคัญ หลายร้านขนมในอี๋หลานเป็นร้านเก่าแก่ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น บางร้านเปิดมานานกว่า 100 ปี และยังคงรักษาสูตรดั้งเดิมไว้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมขนมไต้หวันที่ทั้งหากินได้ยากและเต็มไปด้วยเรื่องราวในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง

ขนมพื้นเมืองอี๋หลานที่ต้องลอง

เมื่อมาถึงอี๋หลาน คุณจะได้พบกับสารพัดขนมไต้หวันพื้นเมืองแท้ ๆ ที่หาทานได้แค่ที่นี่ที่เดียว โดย Taiwan Tourism TH ขอแนะนำขนมทำมือขึ้นชื่อ 5 อย่างที่ไม่ควรพลาด ดังนี้

1. ขนมลิ้นวัว (牛舌餅)

ขนมอบรูปร่างเรียวยาวคล้ายกับลิ้นวัวที่เป็นตำนานของอี๋หลาน จุดเด่นของขนมลิ้นวัวอยู่ที่เนื้อแป้งบางเฉียบที่ถูกรีดด้วยมือทีละแผ่น ก่อนจะนำไปอบจนได้ผิวกรอบ สีเกรียมเล็กน้อย หอมกลิ่นเนยและน้ำตาล ทุกคำที่กัดจะได้สัมผัสกับความบางเบาและรสชาติหวานละมุน แนะนำให้ทานคู่กับชาร้อนคือฟินสุด ๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากลองขนมไต้หวันสไตล์เบา ๆ ไม่หวานจัด

2. โมจิข้าวเหนียว (麻糬米糕)

โมจิสไตล์ไต้หวันที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 100 ปีในอี๋หลาน ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเหนียวตำมือจนได้เนื้อที่เหนียวนุ่บหนึบหนับ แล้วนำมาห่อไส้ต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสงบด งาดำ หรือไส้เผือกกวน โมจิข้าวเหนียวของอี๋หลานขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่ จึงต้องทานภายในวันเดียวเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด ในทุกคำที่ทานจะได้กลิ่นหอมของข้าวเหนียว และความหวานบาง ๆ ละมุนลิ้นที่ไม่เลี่ยนจนเกินไป คนรักขนมไต้หวันแบบดั้งเดิมต้องประทับใจแน่นอน

3. ขนมม้วนไส้น้ำตาลกรอบ (糖蔥卷)

ของหวานพื้นเมืองอี๋หลานสุดยูนีคที่ผสมผสานความหวานและเค็มเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำจากแผ่นแป้งบาง ๆ ห่อไส้น้ำตาลมอลต์ที่ถูกดึงจนเป็นเส้นฝอยคล้ายต้นหอม เคล้าด้วยผงถั่วลิสงบดหยาบและสมุนไพรเครื่องเทศจีนเล็กน้อย เมื่อนำมาม้วนและห่อรวมกันจะได้เป็นแผ่นโรลกรอบที่กัดแล้วแตกเป็นชิ้นน้ำตาลหวานหอม มีกลิ่นต้นหอมจาง ๆ ช่วยตัดรสให้ไม่หวานจัดเกินไป ขนมชนิดนี้หาทานได้ยากนอกอี๋หลาน ถือเป็นขนมไต้หวันที่สะท้อนภูมิปัญญาการถนอมอาหารและรสนิยมการกินขนมของคนสมัยก่อน ใครชอบลองของแปลกใหม่ที่หากินไม่ได้ง่าย ๆ ต้องไม่พลาด

4. ส้มจี๊ดแช่อิ่ม (金棗蜜餞)

ส้มจี๊ด หรือ กิมจ๊อ (金棗) เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของอี๋หลาน ด้วยความที่อากาศและดินเอื้ออำนวยต่อการปลูกส้มผลเล็ก ชาวอี๋หลานจึงนิยมนำผลส้มจี๊ดมาแช่อิ่มในน้ำผึ้งและน้ำตาลจนได้ส้มจี๊ดแช่อิ่มสีทองสวย รสชาติหวานอมเปรี้ยว เคี้ยวเพลิน นิยมนำมาทานเล่นหรือชงกับน้ำอุ่นเป็นเครื่องดื่มหวานหอมชุ่มคอ นอกจากนี้ยังเหมาะกับการซื้อเป็นของฝากอีกด้วย เพราะเก็บได้นานและเป็นรสชาติที่สะท้อนผลิตผลท้องถิ่นของอี๋หลานได้อย่างดี

5. ขนมถั่วตัด (花生糖)

เอาใจคนรัก “ถั่ว” ด้วยขนมถั่วตัดโบราณที่ทำกันสด ๆ หาทานได้ตามตลาดท้องถิ่นในอี๋หลาน ทำจากถั่วลิสงคั่วหอม ๆ คลุกกับน้ำตาลเคี่ยวจนเหนียวข้น จากนั้นเทลงถาดและเกลี่ยบาง ๆ ตัดเป็นชิ้นพอดีคำ มีเนื้อสัมผัสกรอบมัน เต็มไปด้วยรสถั่วและความหวานเคี้ยวเพลิน ทุกวันนี้หลายร้านยังคงทำขนมถั่วให้เห็นกันที่หน้าแผงตามตลาด ใครที่อยากลองสามารถยืนชมขั้นตอนการทำแล้วซื้อชิมตอนทำเสร็จใหม่ ๆ ได้เลย

แหล่งรวมร้านขนมทำมือในอี๋หลาน

เสน่ห์อย่างหนึ่งของการไปชิมขนมไต้หวันที่อี๋หลาน คือการได้ตามล่าหาร้านอร่อยท่ามกลางบรรยากาศโลคอล จุดแรกที่ห้ามพลาดคือ ตลาดกลางคืนหลัวตง (Luodong Night Market) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในอี๋หลาน ที่นี่รวบรวมทั้งอาหารคาวหวานไว้มากมายในที่เดียว สามารถมาเดินเล่นยามค่ำพร้อมชิมของอร่อย อย่างโมจิย่างร้อน ๆ หรือไอศกรีมถั่วตัดผักชี หวานหอมจัดเต็ม รับรองว่าถูกใจสายหวานแน่นอน

นอกจากตลาดกลางคืนแล้ว อี๋หลานยังมีร้านขนมไต้หวันแบบดั้งเดิมกระจายอยู่ทั่วเมือง หลายร้านเปิดมานานหลายสิบปีและยังคงรักษาสูตรลับเฉพาะของตนเองไว้ได้เป็นอย่างดี เช่น ร้านโมจิทำมือเก่าแก่ในตัวเมืองอี๋หลานที่เปิดมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งทุกเช้าจะมีลูกค้ามาเข้าคิวซื้อโมจิกันจนขายหมดก่อนเที่ยง นอกจากนี้ยังมี ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านไต้หวันแห่งชาติ (National Center of Traditional Arts) ที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานหัตถกรรมและขนมไต้หวันโบราณหลายชนิดเอาไว้ รวมถึงมีร้านขายขนมพื้นเมืองหลากหลายให้เลือกซื้อชิม 

หรือถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์การทำขนมด้วยตัวเอง ที่อี๋หลานก็มี โรงงานขนม R. Den Dessert Factory ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมขั้นตอนการทำเค้กและขนมอบต่าง ๆ พร้อมทำกิจกรรมเวิร์กช็อปง่าย ๆ และมีขนมให้ชิมกันแบบจุใจ

ขนมตามเทศกาลและฤดูกาลที่ไม่ควรพลาด

เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของอี๋หลานคือแต่ละฤดูกาลหรือเทศกาลสำคัญจะมีขนมพิเศษให้ลิ้มลองแตกต่างกันออกไป หากมีโอกาสได้มาเที่ยวในช่วงเทศกาล คุณอาจได้ชิมขนมไต้หวันสูตรเฉพาะที่หาทานที่อื่นไม่ได้ด้วย โดย Taiwan Tourism TH ขอยกตัวอย่างขนมที่น่าสนใจ ดังนี้

1. น้ำแข็งไสแปดอย่าง (八寶冰)

น้ำแข็งไสสไตล์ไต้หวันที่เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องแน่น ๆ กว่า 8 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นถั่วแดงต้มนุ่ม ๆ วุ้นเฉาก๊วยหนึบหนับ เผือกเชื่อม ลูกเดือย หรือพุดดิ้ง ราดด้วยน้ำเชื่อมหอม ๆ และนมข้นจืดเย็นชื่นใจ บางร้านในอี๋หลานยังเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษจากผลิตผลท้องถิ่น ทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างและอร่อยมากขึ้น เหมาะเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับทานเพื่อดับร้อน

2. ขนมเค้กข้าวเหนียวสมุนไพร (草仔粿)

ขนมมงคลโบราณที่นิยมทำในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง ทำจากแป้งข้าวเหนียวที่นำมานวดผสมกับใบจิงจูฉ่าย (Mugwort) ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ให้สีเขียวและกลิ่นหอมเฉพาะตัว ข้างในสอดไส้หวานอย่างถั่วแดงกวนหรือไส้เค็มอย่างผักดอง จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก มีสัมผัสเหนียวนุ่มคล้ายขนมเทียนของไทยแต่เนื้อบางกว่าและมีกลิ่นหอมสดชื่นจากสมุนไพร ปัจจุบันหาทานได้ยาก มักมีขายเฉพาะช่วงเทศกาล หากมีโอกาสไปเยือนช่วงเทศกาลเช็งเม้ง ต้องลองชิมให้ได้เพื่อความเป็นสิริมงคล

3. ทังหยวน หรือ บัวลอย (湯圓)

ของหวานที่ขาดไม่ได้ในช่วงเทศกาลโคมไฟ (Taiwan Lantern Festival) และเทศกาลฤดูหนาว เพราะมีความเชื่อว่าการกินทังหยวนจะนำพาความกลมเกลียวและโชคดีมาสู่ครอบครัว เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ปั้นเป็นลูกกลมเล็ก ๆ สอดไส้งาดำหรือไส้ถั่วแดง จากนั้นนำไปต้มในน้ำขิงหรือน้ำเชื่อม มีรสชาติหวานละมุนและช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย บางร้านจะเสิร์ฟในน้ำซุปถั่วแดงร้อน ซึ่งเป็นสูตรพิเศษของเมืองอี๋หลาน เพิ่มรสหวานกลมกล่อมให้กับเมนูขนมชนิดนี้ได้อย่างลงตัว

4. เค้กลูกหมูและขนมไหว้พระจันทร์ไส้ส้มจี๊ด (秋節點心)

เมื่อถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ (Mid-Autumn Festival) ขนมทั้งสองอย่างนี้จะมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในร้านขนมทั่วอี๋หลานเค้กลูกหมูคือขนมอบรูปหมูตัวเล็กที่มักจะบรรจุในกรงหรือกล่องเล็ก ๆ ไว้มอบให้กับเด็ก ๆ และครอบครัวในเทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และโชคลาภ ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ไส้ส้มจี๊ดคือการผสมผสานที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของชาวอี๋หลาน โดยนำผลส้มจี๊ดมาทำเป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์ เกิดเป็นรสชาติเปรี้ยว หวาน หอมไม่เหมือนใคร ทำให้ขนมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น

เคล็ดลับเที่ยวชิมขนมรอบอี๋หลานแบบคนท้องถิ่น

แค่มีลิสต์ร้านเด็ดในมือยังไม่พอ ถ้าอยากอินกับวัฒนธรรมขนมไต้หวันในอี๋หลานให้สุดก็ต้องรู้วิธีเที่ยวและชิมแบบคนอี๋หลานตัวจริง เพราะบางทีขนมอร่อย ๆ ก็ซ่อนอยู่ในร้านเล็ก ๆ ที่ไม่มีรีวิว แต่กลับเต็มไปด้วยรสชาติและเรื่องราว

• เที่ยวตลาดแบบคนท้องถิ่น: ลองวางแผนเดินชมสตรีทฟู้ดที่ตลาดท้องถิ่นทั้งกลางวันและกลางคืนดูสักครั้ง เพราะการเดินตลาดจะทำให้คุณได้เห็นวิถีชีวิตของคนอี๋หลานและได้ลองชิมขนมจากร้านรถเข็นหรือแผงลอยที่คนท้องถิ่นนิยมทานจริง ๆ ได้ประสบการณ์ที่เรียลกว่าการไปแต่ร้านดังตามรีวิวแน่นอน
• พกเงินสดติดตัวไว้เสมอ: ร้านเล็ก ๆ และแผงลอยตามตลาดในอี๋หลานส่วนใหญ่จะรับเฉพาะเงินสด นอกจากนี้ควรพกถุงผ้าหรือกระเป๋าเล็ก ๆ สำหรับใส่ของฝากจำพวกขนมถุง ขนมกล่องติดมือกลับบ้าน เพราะรับรองว่าคุณจะอดใจไม่ไหว ซื้อขนมไต้หวันเหล่านี้กลับไปหลายอย่างเลยทีเดียว
• เที่ยวให้ตรงเทศกาล: ถ้ามีโอกาส แนะนำให้มาอี๋หลานช่วงเทศกาลดูสักครั้ง เพราะนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศคึกคักของงานแล้ว ยังมีขนมท้องถิ่นพิเศษที่หากินได้เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น

อี๋หลานอาจเป็นเมืองเล็ก แต่ที่นี่กลับเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและชีวิตในรูปแบบของ “ขนมไต้หวัน” เพราะทุกคำที่ได้ลิ้มลองคือการได้สัมผัสตัวตนของไต้หวันและเมืองอี๋หลานอย่างแท้จริง หากใครอยากรู้ว่าขนมไต้หวันของแท้นั้นดียังไง อร่อยขนาดไหน ต้องมาลองให้รู้ด้วยตัวเองที่อี๋หลานเลย!