หากพูดถึงแหล่งน้ำพุร้อนยอดนิยมของไต้หวัน ชื่อของ “เจียวซี” (Jiaoxi) ในเมืองอี๋หลาน (Yilan) จะต้องติดโผอย่างแน่นอน เพราะที่นี่ถือเป็นสถานที่เดียวในไต้หวันที่มีบ่อน้ำพุร้อนผุดขึ้นบนพื้นที่ราบ เดินทางสะดวกสบายจากไทเป และยังรายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม แถมยังมีที่เที่ยวใกล้ ๆ เพียบ ทำให้เจียวซีเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ครบเครื่องและน่าสนใจสำหรับผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก
เดิมทีเมืองเจียวซีมีชื่อว่า ทังเหวย ซึ่งหมายถึง “พื้นที่ที่มีบ่อน้ำพุร้อนผุดขึ้นมา” โดยในสมัยที่ “อู๋ซา” เข้ามาบุกเบิกเมืองอี๋หลาน เขาได้สร้างกำแพงล้อมรอบแหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้เพื่อก่อตั้งเป็นหมู่บ้าน ต่อมาชื่อทังเหวยถูกเปลี่ยนเป็น เจียวซี เนื่องจากลำธารในบริเวณใกล้เคียงมักจะแห้งขอดอยู่เสมอ และคำว่า “เจียว” ในภาษาจีนไต้หวันก็มีความหมายว่า “แห้ง” นั่นเอง
ส่วนเมืองอี๋หลาน ในยุคโบราณถูกเรียกว่า เก๋อหม่าหลัน (Kemalan) ก่อนที่ในสมัยต้าวกวงปีที่ 5 แห่งราชวงศ์ชิง (ปีค.ศ.1825) ผู้ปกครองเมืองในขณะนั้นได้คัดเลือกทิวทัศน์ที่โดดเด่นของเมืองอี๋หลานมาทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่ แสงอาทิตย์ยามเช้าที่เกาะกุยซาน (Guishan Island) ควันหมอกยามเย็นที่ภูเขาหลงหลิ่ง (Long Ling Mountain) อากาศบริสุทธิ์บนยอดเขาซีเฟิง (Xifeng Mountain) คลื่นทะเลที่เป่ยกวน (Beiguan) เรือใบในฤดูใบไม้ผลิที่ท่าเรืออูสือ (Wushi Harbor) สายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงที่ซาหนาน (Shanan River) ภาพลวงตาเหนือเมืองซูอ้าว (Su’ao) และน้ำพุร้อนทังเหวย (Tangwei Hot Spring) หรือที่ทุกคนรู้จักในนามบ่อน้ำพุร้อนเจียวซีในปัจจุบัน ทิวทัศน์เหล่านี้จึงกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “8 ทิวทัศน์แห่งหลานหยาง” และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวอี๋หลานก็เริ่มเรียกบ้านเกิดของตนเองว่า หลานหยาง ด้วยความภาคภูมิใจ
คุณสมบัติพิเศษของน้ำพุร้อนเจียวซี
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ “น้ำพุร้อนเจียวซี” (Jiaoxi Hot Spring) โด่งดังไปทั่วไต้หวันและต่างประเทศ คือคุณสมบัติที่หาได้ยากในน้ำพุร้อน เพราะที่นี่เป็นแหล่ง น้ำพุร้อนคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate Spring) ที่มีความเป็นกลาง (ค่า pH ประมาณ 7.5) มีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 64 องศาเซลเซียส น้ำใสสะอาด ไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถัน และอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม และโพแทสเซียมไบคาร์บอเนตไอออน
ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เจียวซีเป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนไม่กี่แห่งของโลกที่มีสาร “ฟีนอล์ฟทาลีน” (Phenolphthalein) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเนียนนุ่มและไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะหลังการแช่ จนได้รับฉายาว่า เจ้าแห่งน้ำพุร้อน เลยทีเดียว
นอกจากสรรพคุณของน้ำพุร้อนแล้ว เมืองเจียวซียังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมผสานและโดดเด่นทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หากใครมีเวลาว่าง หรืออยากจัดทริปแช่น้ำพุร้อนพร้อมเที่ยวรอบเมือง เจียวซีก็ถือเป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
สวนน้ำพุร้อนเจียวซี (Jiaoxi Hot Spring Park)
ถัดจากสถานีรถไฟเจียวซีเพียง 500 เมตร คุณก็จะได้พบกับสวนสาธารณะสีเขียวร่มรื่นที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดผ่อนคลายแห่งนี้ สวนน้ำพุร้อนเจียวซีถือเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของทั้งคนไต้หวันและนักท่องเที่ยว ด้วยเอกลักษณ์ของน้ำพุร้อนบนพื้นที่ราบซึ่งหาได้ยากในไต้หวัน และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเลือกแช่ตัว อาบน้ำ หรือนำไปผ่านกระบวนการทำเป็นน้ำแร่สำหรับดื่ม ก็ล้วนดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://jiaoxi-tourism.tw
ภายในสวนยังมีบ่อแช่น้ำสไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับผู้ที่อยากผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่พร้อมให้ข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้การมาเยือนเจียวซีของทุกคนสะดวกมากยิ่งขึ้น
น้ำพุร้อนเจียวซี (Jiaoxi Hot Spring)
เมืองเจียวซีผูกพันกับน้ำพุร้อนมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ เมื่อผู้คนสร้างกำแพงล้อมรอบแหล่งน้ำพุร้อนไว้สำหรับอาบน้ำ และต่อมาในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครอง ได้มีการสร้างโรงอาบน้ำสาธารณะและโรงแรมเพื่อรองรับการค้าและการท่องเที่ยว ปัจจุบันเจียวซีได้รับการพัฒนาให้เป็น เมืองท่องเที่ยวเชิงน้ำพุร้อน อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังมีการนำน้ำพุร้อนไปใช้ในภาคเกษตร ทั้งในด้านการเพาะปลูกและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้น้ำพุร้อนกลายเป็นทรัพยากรสำคัญที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของเมืองนี้มาโดยตลอด
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://jiaoxi-tourism.tw
ความพิเศษคือ น้ำพุร้อนเจียวซีเป็นน้ำพุร้อนคาร์บอเนต ที่หาได้ยากบนพื้นที่ราบในไต้หวัน น้ำใส สะอาด ไม่มีกลิ่นฉุน อุณหภูมิเฉลี่ยราว 58 องศาเซลเซียส เมื่อแช่แล้วผิวจะรู้สึกเนียนนุ่มและไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ทั้งการอาบ แช่ตัว หรือแม้กระทั่งทำเป็นน้ำแร่ดื่ม
ด้วยเอกลักษณ์และความพิเศษนี้เอง การแช่น้ำพุร้อนที่เจียวซีจึงกลายเป็นกิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยว หากเดินจากสถานีรถไฟเจียวซีเพียงรัศมี 1.2 กิโลเมตร ก็จะพบโรงแรม ที่พัก และบ่อน้ำพุร้อนมากกว่าร้อยแห่ง ทำให้เจียวซีได้รับสมญานามว่า “หมู่บ้านน้ำพุร้อน” ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ศาลเจ้าเสียเทียน (Jiaoxi Xietian Temple)
หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเมืองเจียวซีคือ ศาลเจ้าเสียเทียน ศาลเจ้ากวนอูที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของไต้หวัน โดยชาวจางโจวในเมืองอี๋หลานและจีหลง (Keelung) เรียกเทพเจ้ากวนอูว่า เทพเจ้าเสียเทียน จึงเป็นที่มาของชื่อศาลเจ้าแห่งนี้
ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.sttemple.org
ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.1804 เดิมทีเป็นเพียงกระท่อมเล็ก ๆ จำนวน 3 หลัง แต่ต่อมาในปีค.ศ.1867 ผู้ปกครองเมืองได้สั่งให้สร้างศาลเจ้าขึ้นใหม่ จึงกลายเป็นอาคารศาลเจ้าที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ไฮไลต์สำคัญคือ พิธีบวงสรวง ที่จัดขึ้นเพียงปีละ 2 ครั้ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง รวมถึง เทศกาลขอเต่า (Qi Gui Festival) ที่ถือเป็นหนึ่งในงานประเพณีอันโดดเด่นที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มาเยือน
เขตทิวทัศน์อู่เฟิงฉี (Wufengqi Scenic Area)
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามของเมืองอี๋หลานคือ น้ำตกอู่เฟิงฉี (Wufengqi Waterfall) ในอำเภอเจียวซี น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูง ด้านหลังมียอดเขา 5 ลูกตั้งเรียงราย คล้ายกับธงสามเหลี่ยมของนักแสดงงิ้ว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ อู่เฟิงฉี ยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยหมอกตลอดปี และมีลำธารไหลลงมาจากภูเขา เกิดเป็นน้ำตก 3 ชั้น พร้อมความสูงกว่า 100 เมตร
บริเวณชั้นล่างของน้ำตกมีพื้นที่สำหรับเล่นน้ำของเด็กและโซนปิ้งย่าง ส่วนชั้นกลางมีศาลาชมวิวที่สามารถมองเห็นน้ำตกไหลลงมาจากหน้าผา พร้อมทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มรอบด้าน จุดนี้ได้รับการขนานนามว่า อากาศบริสุทธิ์บนยอดเขาซีเฟิง และยังเป็นหนึ่งใน 8 ทิวทัศน์แห่งหลานหยาง อีกด้วย ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามราวภาพวาด ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนและชื่นชมธรรมชาติอย่างแท้จริง
ที่เชิงเขาอู่เฟิงฉียังมี เส้นทางโบราณผาวหม่า (Paoma Historic Trail) ซึ่งเคยเป็นถนนเพียงสายเดียวที่เชื่อมเจียวซีกับเมืองไทเปในอดีต สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นส้มและพืชผลต่าง ๆ บรรยากาศร่มรื่นน่าเดินเล่น อีกทั้งบริเวณหุบเขาอู่เฟิงฉีที่อยู่ใกล้น้ำตก ยังมีน้ำที่ใสสะอาดและรสชาติหวานอร่อย จนกลายเป็นที่นิยมของนักปีนเขาที่มักตักน้ำกลับไปชงชา ถือเป็นประสบการณ์เล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของเจียวซี
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://danlantrail.necoast-nsa.gov.tw
บ้านพักโบราณของอู๋ซา (Wu Sha Residence)
ห่างจากสถานีรถไฟเจียวซีประมาณ 6 กิโลเมตร คือที่ตั้งของ บ้านพักโบราณของอู๋ซา บุคคลสำคัญผู้มีบทบาทอย่างยิ่งในการบุกเบิกเมืองอี๋หลาน เดิมทีพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นป่าเขา อู๋ซาได้นำชาวฮั่นจากสามเมืองเข้ามาตั้งถิ่นฐาน แม้ในช่วงแรกจะเกิดความขัดแย้งกับชนเผ่าเก๋อหม่าหลันอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อเกิดโรคฝีดาษระบาด อู๋ซาได้ช่วยรักษาด้วยยา จนทำให้ชาวเก๋อหม่าหลันเกิดความซาบซึ้งใจและยอมอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอี๋หลาน และทำให้อู๋ซาได้รับการยกย่องว่าเป็น ผู้บุกเบิกแห่งอี๋หลาน
ภายในบ้านพักโบราณแห่งนี้มีการจัดแสดงป้ายบูชาและภาพวาดของอู๋ซา แม้ตัวบ้านจะผ่านการบูรณะมาแล้ว แต่ก็ยังคงรักษาร่องรอยของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ให้เห็นชัดเจน เสน่ห์ของบ้านอายุกว่าร้อยปีหลังนี้จึงเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และเป็นสถานที่ที่สะท้อนรากฐานความเป็นมาของอี๋หลานได้อย่างลึกซึ้ง
ศาลเจ้าเจาอิง (Yilan Zhaoying Temple)
ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1808 และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอี๋หลานมาโดยตลอด ในอดีตที่นี่ไม่เพียงแต่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทางราชการใช้ประกาศข่าวสารและเป็นจุดรวมตัวของชุมชน จนถึงปัจจุบัน กำแพงด้านหน้าก็ยังคงมีประกาศการแสดงงิ้วจากทั่วทั้งอี๋หลานให้เห็น
องค์บูชาหลักของศาลเจ้าคือ เจ้าแม่หมาจู่ (Mazu) เดิมทีศาลเจ้าถูกสร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่ทะเลตามธรรมเนียม แต่ในสมัยราชวงศ์เต้ากวง ได้มีการขยายศาลเจ้าเป็นอาคารสามส่วน และเปลี่ยนทิศทางให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทำให้กลายเป็นศาลเจ้าแม่หมาจู่เพียงแห่งเดียวในไต้หวันที่หันหน้าเข้าหาภูเขา
ตัวอาคารมีโครงสร้างยาวและแคบ กว้างเพียงสามช่วงเสา แต่ลึกกว่า 60 เมตรจากลานด้านหน้าไปยังอาคารด้านหลัง ปัจจุบันศาลเจ้ายังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมจากสมัยเต้ากวง แม้จะผ่านการบูรณะหลายครั้งในยุคญี่ปุ่น แต่ยังคงอนุรักษ์งานแกะสลักไม้และหินไว้อย่างงดงาม โดยเฉพาะลวดลายมังกร สิงโต และภาพสลักที่วิจิตรประณีต ภายในยังเก็บรักษาโบราณวัตถุเอาไว้จำนวนมาก เป็นศูนย์รวมศรัทธาที่บริสุทธิ์ของชาวอี๋หลาน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด
พิพิธภัณฑ์ละครไต้หวัน (Taiwan Theater Museum)
ตั้งอยู่ภายในศูนย์วัฒนธรรมเมืองอี๋หลาน ที่นี่ถือเป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับละครพื้นบ้านของไต้หวัน โดยเฉพาะงิ้วไต้หวันและหุ่นเชิด ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ พัฒนาการ การอนุรักษ์ และการส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านไว้อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดงภาพ เวทีละครแบบดั้งเดิม หุ่นจำลองเวทีงิ้วทั้งแบบพื้นบ้านและแบบร่วมสมัย รวมถึงห้องภาพและเสียงที่ช่วยให้ผู้เข้าชมทำความเข้าใจงิ้วไต้หวันได้ง่ายขึ้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://museums.moc.gov.tw
งิ้วไต้หวัน
งิ้วไต้หวันเป็นละครร้องภาษาหมิ่นหนาน มีรากฐานจากเพลงพื้นบ้านและค่อย ๆ พัฒนาโดยการผสมผสานดนตรี ลีลาการแสดง เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบฉากจากศิลปะการแสดงประเภทอื่น ๆ เข้ามา ปัจจุบันงิ้วไต้หวันถือเป็นหนึ่งในละครพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประเทศ
หุ่นเชิด
เป็นรูปแบบการแสดงละครที่ใช้คนบังคับหุ่นด้วยเส้นเชือก ซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยจีนโบราณ แม้จะมีหลายประเภท แต่ในไต้หวันจะพบเพียงประเภท หุ่นเชิดใย (Suspended Puppet) เท่านั้น
การเดินทางสู่เจียวซี
1. รถสาธารณะ
สามารถนั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Jiaoxi Station หรือเลือกใช้บริการรถบัส เช่น Kuo-Kuang Bus สาย 1572 / 1880 และ Kamalan Bus สาย 1915
2. รถยนต์ส่วนตัว
ขับรถตาม ทางด่วนหมายเลข 5 แล้วออกที่ ทางออกโถวเฉิง (Toucheng Interchange) จากนั้นต่อด้วย ถนนหมายเลข 9 (Provincial Highway No. 9) มุ่งหน้าไปทางอี๋หลาน
3. บริการ Taiwan Tourist Shuttle
- Jiaoxi Route A (Green 11-A): เส้นทางเริ่มต้นจาก สถานี TRA Jiaoxi Station ไปสิ้นสุดที่ Fo Guang University Yunqi Tower อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.taiwantrip.com.tw/Frontend/Route/Select_p_en?RouteID=R0001
- Jiaoxi Line B: เส้นทางเริ่มต้นจาก สถานี TRA Jiaoxi Station ไปสิ้นสุดที่ Tamkang University Lanyang Campus อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.taiwantrip.com.tw/Frontend/Route/Select_p_en?RouteID=R0029
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: