เมืองเกาสง (Kaohsiung) ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งศิลปะ” ที่กำลังมาแรงของไต้หวัน ด้วยการเปลี่ยนโฉมจากเมืองอุตสาหกรรม สู่มหานครที่เต็มไปด้วยงานศิลปะทั่วทุกมุมเมือง นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาสงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดสร้างสรรค์ที่สะท้อนตัวตนของเกาสงในฐานะเมืองแห่งศิลปะระดับโลก ตั้งแต่งานศิลปะในสถานีรถไฟ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ละย่านศิลปะกลางแจ้ง
ในบทความนี้ Taiwan Tourism TH จะพาทุกคนออกไปเที่ยวเกาสง พร้อมแจกลิสต์ 10 สถานที่ชมงานศิลปะและดีไซน์ห้ามพลาด ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักเกาสงในมุมที่แตกต่างออกไปแน่นอน
1. โดมแห่งแสง (Dome of Light, 光之穹頂)
ผลงานศิลปะกระจกสีขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Formosa Boulevard (MRT) เป็นแลนด์มาร์กแห่งความสร้างสรรค์และงานศิลปะที่ต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวเกาสง โดมกระจกสีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร และครอบคลุมพื้นที่ 660 ตารางเมตรแห่งนี้ถือเป็นงานศิลปะกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 4 ปีเต็ม โดยสถาปนิกผู้สร้างโดมแห่งนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราววัฏจักรมนุษย์ผ่านองค์ประกอบทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ที่จัดวางอย่างวิจิตร
ที่นี่ได้กลายเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผู้คนมักมาถ่ายภาพเพื่อเก็บภาพความประทับใจและเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในผลงานศิลป์ชิ้นเอกของเกาสง และทั้งหมดนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ดังนั้นหากใครได้มาเที่ยวเกาสง อย่าลืมแวะลงสถานี Formosa Boulevard เพื่อชมความงดงามของโดมแห่งแสงด้วยนะ
2. ศูนย์ศิลปะ Pier-2 Arts Center (駁二藝術特區)
ย่านสุดฮิปริมฝั่งท่าเรือที่รวบรวมงานศิลปะและผลงานการสร้างสรรค์จากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้เป็นจำนวนมาก ในอดีต ที่นี่เคยเป็นคลังสินค้าสำคัญของท่าเรือเกาสง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1973 ก่อนจะถูกปล่อยร้างตามกาลเวลา จนกระทั่งในปี ค.ศ.2000 เมืองเกาสงได้ค้นพบพื้นที่แห่งนี้และบูรณะโกดังอุตสาหกรรมเก่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จนกลายเป็นศูนย์ศิลปะร่วมสมัยที่เต็มไปด้วยผลงานและไอเดียสุดบรรเจิดจากศิลปินทั้งในและต่างประเทศ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก Facebook 駁二藝術特區 The Pier-2 Art Center
บรรยากาศบริเวณศูนย์ศิลปะ Pier-2 Arts Center เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมงานศิลปะสาธารณะที่จัดวางอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ และภายในโกดังแต่ละหลังยังถูกดัดแปลงเป็นแกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ และร้านค้าสุดครีเอทีฟอีกมากมาย สถานที่แห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและงานศิลปะร่วมสมัยที่ดึงดูดคนรักศิลปะและนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
3. พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์เกาสง (Kaohsiung Museum of Fine Arts, 高雄市立美術館)
เอาใจสายอาร์ตที่ชื่นชอบการใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์กันบ้าง! กับ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์เกาสง หรือ Kaohsiung Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภาคใต้ของไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งที่ 3 ของไต้หวัน ต่อจากพิพิธภัณฑ์วิตรศิลป์กรุงไทเปและพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติไต้หวัน โดยได้เปิดประตูต้อนรับผู้ชมครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ.1994
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมทรงเหลี่ยมแนวนอนสไตล์โมเดิร์น รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและสวนประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ ภาพแกะสลักฝูงควายน้ำ ของ หวง ถู่สุ่ย (Huang Tu-shui) บิดาแห่งวงการประติมากรรมไต้หวัน ที่จัดแสดงอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนหลายห้อง รวมถึงโซนกิจกรรมสำหรับเด็กที่เสริมสร้างจินตนาการผ่านศิลปะ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์สำหรับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
4. ศูนย์ศิลปะแห่งชาติเกาสง (National Kaohsiung Center for the Arts, 衛武營國家藝術文化中心)
ศูนย์ศิลปะแห่งชาติเกาสง เหวยอู่หยิง (Weiwuying) เป็นหนึ่งในโครงการศิลปะและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไต้หวันตอนใต้ ศูนย์ศิลปะแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเฟิงซาน (Fengshan District) บนพื้นที่ฐานทัพทหารเก่าขนาดใหญ่ถึง 416 ไร่ที่ได้รับการพลิกโฉมใหม่ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กด้านศิลปะการแสดงระดับโลก เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนตุลาคม ค.ศ.2018 ก่อนจะสร้างความฮือฮาด้วยสถาปัตยกรรมสุดล้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ร่มเงาของหมู่ไม้ ให้หลังคาอาคารโค้งมน เชื่อมพื้นที่ภายนอก-ภายในอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งออกแบบโดยทีมสถาปนิกระดับนานาชาติ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาสงและชื่นชอบสถาปัตยกรรมจะต้องประทับใจกับรายละเอียดการออกแบบของอาคารนี้ ตั้งแต่เพดานโค้งเว้าขนาดยักษ์ที่ทำให้เกิดเป็น ทางเดินใต้ถุนอาคารแบบโอเพ่นแอร์ (Outdoor Amphitheatre) ไปจนถึงมิติของแสงและเงาที่ตกกระทบพื้นในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตก บรรยากาศของที่นี่จะโรแมนติกเป็นพิเศษ และพื้นที่รอบ ๆ ก็ยังรายล้อมไปด้วยสวนหย่อมและลานกิจกรรมกลางแจ้ง ใครอยากวิ่งออกกำลังกาย หรือมาปิกนิกชมอาคารดีไซน์แปลกตาก็สามารถทำได้ตามใจชอบ
5. สวนวัฒนธรรมทางรถไฟฮามะเซน (Hamasen Railway Cultural Park, 哈瑪星鐵道文化園區)
จากย่านศิลปะริมท่าเรือ มาต่อกันที่ สวนวัฒนธรรมทางรถไฟฮามะเซน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ศิลปะ Pier-2 Arts Center นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดอาร์ตของเกาสงที่ผสานประวัติศาสตร์เข้ากับความสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว พื้นที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นชุมทางรถไฟเก่าสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวัน ภายหลังถูกทิ้งร้างจนทางการเมืองเกาสงได้เข้ามาปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็น สวนสาธารณะทางวัฒนธรรม เพื่อให้คนในชุมชนได้มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังคงเก็บองค์ประกอบเดิมไว้อย่างครบถ้วน เช่น รางรถไฟเหล็ก
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
เมื่อเดินเข้าสู่พื้นที่สวนฮามะเซน นักท่องเที่ยวจะพบกับงานศิลปะกลางแจ้งมากมายกระจายตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมร่วมสมัย อาคารสถานีรถไฟโบราณ หรือโกดังเก่าที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียน สำหรับสายถ่ายรูป ที่นี่ก็มีมุมชิค ๆ เพียบ ทั้งทางรถไฟเก่าและงานกราฟิตี้บนผนัง ให้เก็บภาพกันแบบไม่มีเบื่อ
6. หมู่บ้านสตรีตอาร์ตเว่ยอู่อิ๋ง (Weiwuying Street Art Village, 衛武營彩繪村)
ใครเป็นสายงานศิลปะแนวสตรีตอาร์ต ต้องมาที่ หมู่บ้านสตรีตอาร์ตเว่ยอู่อิ๋ง ชุมชนเล็ก ๆ ที่กลายเป็นแกลเลอรีกลางแจ้งสุดอลังการและมีสีสันที่สุดแห่งหนึ่งในไต้หวัน แต่เดิมย่านนี้เป็นโครงการบ้านพักเก่าของทหารในเขตหลิงหย่า (Lingya District) ซึ่งทรุดโทรมลงตามกาลเวลา กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อเมืองเกาสงเริ่มจัดงาน เทศกาลกราฟิตี้นานาชาติ Wallriors Street Art Festival ขึ้นในปีค.ศ.2016 โดยเชิญศิลปินกราฟิตี้ทั้งในและต่างประเทศกว่าหลายสิบคนมาประชันฝีมือ สร้างสรรค์ภาพวาดฝาผนังบนกำแพงอาคารทั่วชุมชน ทำให้อาคารเก่าถูกเนรมิตใหม่ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดยักษ์หลากหลายสไตล์ กลายเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยศิลปะและมุมถ่ายรูป
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
ปัจจุบัน หมู่บ้านสตรีตอาร์ตมีภาพวาดกราฟิตี้ขนาดใหญ่กว่า 100 ภาพ เป็นผลงานจากศิลปินรวม 24 ประเทศทั่วโลก ทำให้ที่นี่นับเป็นชุมชนภาพวาดฝาผนังขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวของไต้หวันที่ดึงดูดผู้คนให้มาชมความงามด้วยตาตัวเอง ไม่ว่าจะเดินไปตรอกหรือซอกซอยไหนก็จะเจอกับกำแพงที่เต็มไปด้วยลวดลายและสีสันสดใส แต่ละภาพแฝงเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้การเดินเที่ยวเกาสงในย่านนี้เสมือนกับการได้เดินชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งเลยทีเดียว
7. ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมต้าตง (Dadong Arts Center, 大東文化藝術中心)
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมต้าตง ตั้งอยู่ในเขตเฟิงซาน ทางฝั่งตะวันออกของเกาสง เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ผสมผสานงานศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ.2012 ในฐานะ สวนศิลปะอเนกประสงค์ ที่ประกอบไปด้วยหอแสดงนิทรรศการ ห้องสมุดศิลปะ หอประชุม และพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ตัวอาคารออกแบบได้โดดเด่นสะดุดตา ด้วยโครงสร้างคอนกรีตเปลือยสไตล์โมเดิร์น เสริมด้วยหลังคาโปร่งแสงทรงโค้งขนาดใหญ่ ชวนให้นึกถึงบอลลูนที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
ยามค่ำคืน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมต้าตงจะเปล่งประกายเป็นพิเศษ เพราะมีการติดตั้งไฟหลากสีสันบนหลังคาและน้ำพุรอบอาคาร จนเกิดเป็นวิวยามค่ำคืนที่งดงามตระการตา สร้างบรรยากาศคึกคักให้กับย่านเฟิงซานจนได้รับความนิยมจากคนมาเที่ยวเกาสงให้มาถ่ายรูปกันเพียบ ใกล้ ๆ กันยังมีสวนสาธารณะต้าตงที่สามารถแวะไปเดินเล่นหรือถีบจักรยานน้ำ ชมวิวอาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมต้าตงจากภายนอกได้อย่างเพลิดเพลิน
8. หอภาพยนตร์เกาสง (Kaohsiung Film Archive, 高雄市電影館)
สำหรับคนรักภาพยนตร์และสื่อต่าง ๆ หอภาพยนตร์เกาสง คือสถานที่เล็ก ๆ แต่น่าหลงใหล ที่นี่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งความรัก (Love River) ในย่านเยี่ยนเฉิง (Yancheng) อันเก่าแก่ของเกาสง ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.2001 โดยดัดแปลงอาคารริมแม่น้ำให้กลายเป็นพื้นที่ฉายและจัดเก็บคลังภาพยนตร์ของเมืองเกาสง ถึงแม้จะขนาดไม่ใหญ่โต แต่ที่นี่ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศิลปะภาพยนตร์ท้องถิ่น มีโรงฉายเล็ก ๆ สำหรับฉายหนังอินดี้หรือหนังคลาสสิก รวมถึงนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ไต้หวัน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://khh.travel
ตัวอาคารของหอภาพยนตร์เกาสงมีดีไซน์ร่วมสมัย ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ จนกลายเป็นหนึ่งในมุมถ่ายรูปยอดนิยมริมแม่น้ำ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่แสงแดดสะท้อนผืนน้ำและตัวตึก นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาชมอาคารและบรรยากาศริมน้ำได้ฟรี ส่วนการเข้าชมการฉายภาพยนตร์บางรายการอาจมีค่าตั๋วเล็กน้อย ในบางวันยังมีการจัดงานเสวนาภาพยนตร์หรือเทศกาลหนังสั้นนานาชาติที่ดึงดูดคนทำหนังและคอหนังจากทั่วโลกมาร่วมงาน ทำให้หอภาพยนตร์แห่งนี้เป็นเหมือนกับแหล่งพบปะของชุมชนและคนมาเที่ยวเกาสงที่หลงรักในภาพยนตร์อีกด้วย
9. โซนอาร์ตแห่งฮามะเซน (Spring & Hamasen Art Zone)
ย่านศิลปะแห่งใหม่ที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จมาจากศูนย์ศิลปะ Pier-2 Arts Center โดยกินพื้นที่บริเวณท่าเรือเก่าในเขตฮามะเซนและใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว โซนนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ อาคารโกดัง 棧貳庫 หรือ KW2 (Kaohsiung Port Warehouse No.2) ซึ่งเป็นคลังสินค้าท่าเรืออายุเก่าแก่กว่า 100 ปีที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อย่างงดงาม หลังจากเปิดทำการในปี 2018 ย่านศิลปะแห่งนี้ก็กลายเป็นศูนย์รวมร้านค้าศิลปะและไลฟ์สไตล์ริมท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันจนถึงปัจจุบัน นับเป็นการคืนชีวิตใหม่ให้กับอาคารท่าเรือเก่าแก่อย่างน่าประทับใจ
นอกจากความโดดเด่นของตัวอาคาร KW2 แล้ว สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาสง สายครีเอทีฟและคนชอบถ่ายรูปให้มาเที่ยวที่นี่ก็คือ ม้าหมุนสีขาว (White Carousel) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโกดัง เพราะม้าหมุนนี้ถือเป็นผลงานศิลปะที่ถูกออกแบบให้มีความวินเทจ ดูคลาสสิกและงดงามจนกลายเป็นมุมถ่ายภาพยอดฮิตแห่งใหม่ของเกาสง ใครชอบฟีลเดินเที่ยวชิล ๆ ริมน้ำ ชมงานศิลป์ แวะร้านเก๋ ๆ แนะนำว่าให้ปักหมุดย่านนี้ไว้ในแผนเที่ยวเกาสงของคุณได้เลย
10. ศูนย์ดนตรีเกาสง (Kaohsiung Music Center, 高雄流行音樂中心)
ปิดท้ายทริปสายอาร์ตด้วย ศูนย์ดนตรีเกาสง แลนด์มาร์กสุดล้ำริมอ่าวที่ผสมผสานศิลปะการออกแบบกับดนตรีป็อปเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ที่นี่คือศูนย์กลางการจัดแสดงดนตรีป็อปแห่งใหม่ของไต้หวัน สร้างขึ้นตามแผนของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมดนตรี ตัวสถาปัตยกรรมของศูนย์ดนตรีเกาสงออกแบบได้แปลกตาและโดดเด่น โดยเป็นผลงานการออกแบบร่วมระหว่างทีมสถาปนิกชาวสเปนและไต้หวัน มีการใช้องค์ประกอบของท้องทะเลมาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงอาคารที่โค้งมนหลายส่วนเชื่อมกัน หลายคนบอกว่ามองไกล ๆ แล้วดูคล้ายกับมีเรือยานอวกาศมาจอดอยู่ริมอ่าว ยิ่งตอนกลางคืนที่มีการเปิดไฟประดับทั่วอาคารก็ยิ่งดูสวย ล้ำยุคสุด ๆ
พื้นที่ของศูนย์ดนตรีเกาสงประกอบด้วยอาคารหลากหลายส่วน เช่น Wave Tower, Coral Zone, Whale Bridge และ Dolphin Walk ซึ่งแต่ละส่วนก็มีฟังก์ชันต่างกันไป รวมถึงอาคาร Live Warehouse ที่เป็นฮอลล์ดนตรีแบบโกดังแห่งแรกของไต้หวัน รองรับผู้ชมได้ราว 1,400 คน นอกจากนี้ตัวอาคารยังเชื่อมกับสะพาน Whale Bridge ที่สามารถขึ้นไปชมวิวอ่าวและตัวเมืองได้แบบพาโนรามา (Panorama) ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากที่สุดจุดหนึ่ง ไม่แปลกที่ New York Times จะเคยจัดให้เกาสงติดอันดับจุดหมายท่องเที่ยวแห่งปี เพราะมีไฮไลท์อย่างศูนย์ดนตรีเกาสงเพิ่มเข้ามาในแผนที่นั่นเอง
เคล็ดลับเดินทางตะลุยย่านศิลปะในเกาสงแบบโลคอล
เที่ยวครบทั้ง 10 ที่แล้ว เรามาปิดท้ายกันด้วยเคล็ดลับเด็ด ๆ สำหรับการตะลุยเที่ยวเกาสงและชมศิลปะแบบมือโปร ที่จะช่วยให้คุณได้เดินทางไป-มาระหว่างย่านศิลปะต่าง ๆ ได้สะดวกสุด ๆ และเก็บสถานที่สำคัญได้ครบแน่นอน
เดินทางคุ้มทั่วเมืองด้วยขนส่งสาธารณะ
เกาสงมีรถไฟฟ้าใต้ดิน (KMRT) 2 สาย (สายสีแดงและสายสีส้ม) ที่เชื่อมย่านหลักต่าง ๆ และวิ่งตัดกันที่สถานี Formosa Boulevard พอดี เช่น ถ้าจะไปโดมแห่งแสงก็ลงได้ที่สถานีนี้เลย หรือถ้าจะไป Pier-2 Arts Center และย่านฮามะเซน ก็นั่งสายสีส้มไปลงสถานี Yanchengpu หรือ Sizihwan ได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังมี รถไฟฟ้ารางเบา (Circular LRT) วิ่งเป็นวงกลมเลียบท่าเรือและแม่น้ำ ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง
วางแผนแบ่งโซนเที่ยว
สถานที่ทั้ง 10 แห่งนี้กระจายอยู่ในโซนต่าง ๆ ของเกาสง การจัดโปรแกรมเที่ยวเกาสงที่เหมาะที่สุดก็คือ การแบ่งเที่ยวตามพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่น ในหนึ่งวันอาจจะเที่ยวโซนใจกลางเมือง (โดมแห่งแสง + พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ + หอภาพยนตร์) ก่อน อีกวันค่อยมาเที่ยวโซนริมท่าเรือ (Pier-2 Arts Center + สวนฮามะเซน + KW2) และอีกวันสำหรับโซนเฟิงซาน (หมู่บ้านสตรีตอาร์ต + ศูนย์ศิลปะแห่งชาติ + ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมต้าตง) เป็นต้น
เช่าจักรยานปั่นชิล ๆ
ถ้าอยากเที่ยวชมศิลปะพร้อมได้ออกกำลังกายไปด้วย แนะนำให้ลองใช้บริการ จักรยานสาธารณะ ของเกาสง (C-Bike) ซึ่งมีจุดให้เช่าตามสถานีรถไฟฟ้า MRT และจุดท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง โดยเราสามารถปั่นจักรยานจาก Pier-2 Arts Center ไป ฮามะเซน ต่อถึง ท่าเรือฉีจิน (Qijin Pier) หรือตระเวนชมกราฟิตี้ในหมู่บ้านสตรีตอาร์ตได้เพลิน ๆ เป็นอีกวิธีเที่ยวเกาสงที่สนุกสุด ๆ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายอาร์ตตัวจริงหรือมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มชมงานศิลปะ เมืองเกาสงก็มีสิ่งที่น่าค้นหาและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ ลองเปิดใจมาเที่ยวเกาสงดูสักครั้ง แล้วจะพบว่าเมืองท่าตอนใต้แห่งนี้มีดีมากกว่าแค่ท่าเรือ แต่ยังเต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปะและวัฒนธรรมที่รอให้คุณมาสัมผัส รับรองว่าทริปเกาสงครั้งนี้จะทั้งสนุก อิ่มเอมใจ และทำให้คุณหลงรักเกาสงแบบไม่รู้ตัวแน่นอน