ปรากฏการณ์ “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” (Blue Tears) ที่หมู่เกาะหมาจู่ (Matsu) เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 15 สถานที่มหัศจรรย์ของโลกโดย CNN ในทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน มักจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมายังหมู่เกาะหมาจู่ เพื่อชมแสงสีน้ำเงินที่สะท้อนบนผืนน้ำ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์หลักที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อเดินทางมายังเกาะแห่งนี้
“ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” คืออะไร? แล้วจะไปชมได้ที่ไหนของเกาะ? ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ? เรารวบรวมมาไว้ให้แล้ว ครบจบในบทความนี้!
“ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” คืออะไร?
“ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” ในอดีตเคยถูกชาวหมาจู่เรียกว่า “ปรากฎการณ์ปลาข้าวสาร” หรือ “แสงทะเล” จริง ๆ แล้วเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์ที่เกิดจาก สาหร่ายเรืองแสงชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “นอคติลูคา” (Noctiluca) หรือที่ไต้หวันเรียกว่า “หนอนแสงยามค่ำคืน”

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.matsu-nsa.gov.tw/
นอคติลูคา เป็นสาหร่ายไม่มีพิษชนิดหนึ่ง โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนถึงปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำหลากจากแม่น้ำหมินเจียงได้พัดพาเอาสายน้ำจืดเข้าสู่บริเวณรอบ ๆ ชายฝั่งหมาจู่พร้อมกับสารอาหารเป็นจำนวนมาก สารอาหารที่มากับน้ำจืดนี้เองที่กระตุ้นให้แพลงก์ตอนพืชเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สาหร่ายนอคติลูคา ที่กินแพลงก์ตอนชนิดนี้มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อคลื่นทะเลและลมพัดกระตุ้นนอคติลูคาที่ลอยอยู่ตามผิวน้ำ มันจะปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา สร้างเป็นภาพทะเลสีฟ้าเรืองแสงที่น่าอัศจรรย์ใจ ซึ่งเราเรียกกันว่า “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” นั่นเอง
บางคนอาจเข้าใจผิดว่า “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” เป็นสัญญาณของมลพิษในทะเล แต่จริง ๆ แล้วมันคือปรากฏการณ์ทางระบบนิเวศทางทะเลตามธรรมชาติ และการมีปรากฎการณ์นี้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเกาะหมาจู่มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง
ส่วนชื่อเรียกเก่าแก่อย่าง “ปรากฏการณ์ปลาข้าวสาร” มีที่มาจากช่วงเวลาที่ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นพอดี ซึ่งเป็นฤดูที่ชาวประมงจะออกไปจับปลาข้าวสาร โดยมีความเชื่อว่า เมื่อสาหร่ายนอคติลูคาปรากฏขึ้นพร้อมกับคลื่นที่ซัดสาดจนเกิดแสงบนผิวน้ำ มันเป็นสัญญาณว่าฝูงปลาข้าวสารกำลังมารวมตัวกัน เพื่อกินสาหร่ายเหล่านี้ในบริเวณนั้นพอดี ชาวบ้านจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ตามชื่อปลาที่พวกเขาจับได้นั่นเอง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชม “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน”

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.matsu-nsa.gov.tw
โดยปกติแล้ว ปรากฏการณ์นี้จะสามารถพบเห็นได้ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อน (มีนาคมถึงกันยายน) แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ เดือนเมษายนถึงมิถุนายน เนื่องจากเป็นช่วงอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เหมาะสมที่สุด ทำให้มีโอกาสพบเห็นสาหร่ายนอคติลูคาเรืองแสงได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังกลางเดือนกรกฎาคมไปแล้ว เมื่อน้ำทะเลเริ่มอุ่นขึ้น โอกาสที่จะเห็นทะเลเรืองแสงสีน้ำเงินก็จะค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย
เคล็ดลับในการล่าแสงสีน้ำเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเป็นเวลากลางคืนที่ไร้แสงรบกวน คือต้องเป็นที่สงบหรือห่างไกลจากผู้คน เพื่อให้ดวงตาของคุณสามารถปรับตัวเข้ากับความมืดและมองเห็นความงามเรืองแสงของ Blue Tears ได้อย่างชัดเจนที่สุด
จุดชม “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” ที่แนะนำในหมาจู่
“ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” สามารถเห็นได้ในทุกพื้นที่เกาะของหมาจู่ แต่ลักษณะทางภูมิประเทศที่แตกต่างกันจะทำให้แสงสีน้ำเงินที่เห็นมีความงามในแบบของตัวเอง
- ตงอิ่น (Dongyin): อ่าวโฮ่วอ้าว อ่าวตงอ้าว อ่าวเป่ยอ้าว เขื่อนจงจู้ และสุดเขตแดนเหนือ
- เป่ยกาน (Beigan): หาดทรายถังโฮ่ว หาดทรายปั่นหลี่ หาดทรายฉินปี้ และหาดทรายเฉียวจื่อ
- หนานกาน (Nangan): ปากอ่าวหนิวเจี่ยว ปากอ่าวซานล่ง อุโมงค์เป่ยไห่ ฐานทัพต้าฮั่น ป้อมเถี่ยเป่า ฐานทัพ 55 หาดทรายจินซา ปากอ่าวซื่อเหวย ฮั่นหลินเจี่ยว ปากอ่าวจูหลัว และปากอ่าวฝูอ้าว
- ตงจวี่ (Dongju): ภูเขาตงหยางซาน อ่าวลับเสี่ยวไห่วาน ท่าเรือต้าผู่ หาดแกะสลักหินต้าผู่ หาดทรายเหมิ่งอ้าว และหาดทรายฝูเจิ้ง
- ซีจวี่ (Xiju): ปากอ่าวเถียนว่อ ท่าเรือชิงฟาน และหาดทรายคุนชิว
การเดินทางมาชม “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” ที่หมาจู่มีประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดอยู่สองรูปแบบ อย่างแรกคือการชม หาดทรายสีน้ำเงิน (Sand Blue Tears) ที่คุณสามารถพบได้ตามหาดทรายในเกาะเป่ยกาน ซึ่งเป็นภาพที่แสงสีน้ำเงินจะดูคล้ายกับเปลวไฟเล็ก ๆ ระยิบระยับไปทั่วพื้นผิวทราย เป็นความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ส่วนอีกประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครคือ การพายเรือในอุโมงค์เป่ยไห่ (Nangan Beihai Tunnel) บนเกาะหนานกาน ที่นี่คุณจะได้พายเรือเข้าไปในอุโมงค์โบราณซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างลึกลับ และเนื่องจากภายในอุโมงค์ไม่มีแสงจากผ่านนอกส่องผ่าน หรือได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำที่รุนแรง ทำให้คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์กับแสงสีน้ำเงินที่เรืองรองอยู่ใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิด เป็นอีกทางเลือกที่น่าทึ่งสำหรับนักล่าปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงินนี้

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.matsu-nsa.gov.tw
อย่างไรก็ตาม การเกิดปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระแสน้ำ กระแสลม หรือสภาพภูมิประเทศ แนะนำให้คุณจัดเวลาสำหรับการเดินทาง หรือลองเปลี่ยนไปตามจุดชมที่แตกต่างกันหลายแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการล่าแสงสีน้ำเงิน
เคล็ดลับ & ข้อควรระวังในการชม “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน”
ควรมีเพื่อนร่วมเดินทาง: เนื่องจากการชมจะอยู่ในช่วงเวลากลางคืน ทัศนวิสัยอาจไม่ดีและมักเป็นบริเวณที่เงียบสงบ และห่างไกลผู้คน จึงควรเดินทางเป็นกลุ่ม หลีกเลี่ยงการไปคนเดียว
ระวังพื้นผิวขรุขระ: ชายฝั่งของหมาจู่มีลักษณะที่ขรุขระ หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หาดหินหรือโขดหิน และระวังลื่น
ระวังสัตว์มีพิษ: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน อาจมีสัตว์มีพิษที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติออกมาบริเวณพุ่มไม้ ไม่ควรเดินเข้าไปในทุ่งหญ้าหรือพงหญ้า
เตรียมอุปกรณ์ให้ครบครัน: ควรใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้ากันลื่น และพกไฟฉาย (ใช้ส่องทางขณะเดิน และเมื่อจะชมแสงสีน้ำเงินปิดไฟ เนื่องจากการชมต้องชมในที่มืด)
เคล็ดลับเพิ่มโอกาสในการเจอ “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน”
เลือกไปที่หาดทราย:
หากคุณเดินทางด้วยตัวเอง การไปที่ชายหาดจะค่อนข้างปลอดภัยและมีโอกาสเจอได้มากกว่า
เลือกช่วงน้ำขึ้น:
สาหร่ายนอคติลูคา จะเรืองแสงเมื่อถูกรบกวนจากคลื่น ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงน้ำขึ้น
เลือกชมบริเวณชายหาดด้านที่รับลม:
สาหร่ายนอคติลูคา จะถูกพัดพาไปตามลม ลองไปตามจุดที่อยู่ทางด้านที่รับลม
เลี่ยงช่วงพระจันทร์เต็มดวง:
การชมต้องไร้แสงรบกวน หากมีแสงจันทร์เต็มดวงสว่างเกินไป จะทำให้แสงสีน้ำเงินจางลงและมองเห็นได้ยาก
การเดินทางมาที่หมู่เกาะหมาจู่
เครื่องบิน: เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด
เรือ (จากไต้หวัน): สามารถนั่งเรือจากท่าเรือไทเป (Taipei Port) ไปยังท่าเรือฟู่เอ้า (Fu’ao Port) ที่เกาะหนานกาน ใช้เวลาเพียงประมาณ 3 ชั่วโมง
การคมนาคมบนเกาะ: สามารถใช้มอเตอร์ไซค์ได้ ง่าย และสะดวกที่สุด เมื่อถึงหมาจู่แล้ว การเช่ามอเตอร์ไซค์คือตัวเลือกที่ดีที่สุด รวดเร็ว และทำให้การท่องเที่ยวรอบเกาะเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะการตามล่า “ทะเลเรืองแสงสีน้ำเงิน” ในยามค่ำคืน คุณสามารถขี่ไปได้ทุกที่ แต่ต้องขับขี่อย่างระมัดระวังด้วยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://hny.link/Lhxbh40